เพื่อปกป้องพอร์ตการลงทุน เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจระดับของ Margin call และ Stop out
โดยเริ่มจากการเรียนรู้กลไกพื้นฐานของการเทรดด้วยการใช้เลเวอเรจและมาร์จิ้น
การเทรดด้วย LEVERAGE คือ
การขยายขนาดการลงทุนของการเทรด โดยการยืมเงินจากโบรกเกอร์
เช่น เทรดเดอร์ลงทุนด้วยวงเงิน 1,000 USD เลือกใช้เลเวอเรจ 1:100 ทำให้วงเงินการเทรดเพิ่มเป็น 100,000 USD
ข้อดีของ LEVERAGE คือ
เทรดเดอร์สามารถใช้เงินลงทุนจำนวนน้อย เปิดรายการเทรดเพื่อทำกำไรจำนวนมากได้
ในขณะที่ข้อเสีย ก็คือ การเทรดด้วยวงเงินสูง สามารถสร้างความสูญเสียที่สูงด้วยเช่นกัน
เมื่อใช้ LEVERAGE ในการเปิดออเดอร์แต่ละครั้ง เทรดเดอร์ต้องวางเงินประกัน
หรือเรียกว่า MARGIN REQUIREMENT ซึ่งขนาดที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับ
ราคาตราสารในจุดที่เปิด ORDER สกุลเงินบัญชีเทรด เลเวอเรจ และขนาดของการเทรด
ยกตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ต้องการซื้อ EURUSD ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1.1000
ด้วยขนาด 0.5 lot กับบัญชี STANDARD เลเวอเรจ 1:100 จะต้องการ MARGIN
เพื่อใช้ในการเปิดออเดอร์ หรือ USED MARGIN = 550 USD
TIP : ใช้ Forex calculator เพื่อคำนวณหาค่า Margin สำหรับทุกการเทรดได้ที่ https://www.tickmill.com/th/tools/forex-calculators
หากเทรดเดอร์มีวงเงินลงทุน 1000 USD เมื่อเปิดการเทรดนี้
EQUITY ของบัญชีจะถูกแบ่งเป็น USED MARGIN 550 USD และ FREE MARGIN 450 USD
FREE MARGIN หรือ USABLE MARGIN คือ เงินประกันคงเหลือ ที่เทรดเดอร์สามารถนำไปใช้
เพื่อการเปิด ORDER เพิ่มได้ หรือ ใช้ในการรองรับเมื่อ ORDER ที่เปิดขึ้น มีการขาดทุน
USED MARGIN คือ เงินประกันที่เทรดเดอร์ได้มีการนำไปใช้ เพื่อการเปิด ORDER แล้ว
เงินจำนวนนี้ จะคืนกลับไปเป็น FREE MARGIN ก็ต่อเมื่อ มีการปิด ORDER แล้วเท่านั้น
เมื่อการเทรดมีกำไร หรือมีความสูญเสีย โดยที่เทรดเดอร์ยังไม่ปิด ORDER มูลค่ากำไรหรือขาดทุนดังกล่าว จะถูกเพิ่มหรือลดเข้าสู่ส่วนของ FREE MARGIN และ EQUITY ของพอร์ตการลงทุน
เมื่อขนาด EQUITY ลดลงถึงระดับเสี่ยงโบรกเกอร์จะแจ้งเตือนให้ลูกค้าทราบ ระดับดังกล่าวเรียกว่า
ระดับ MARGIN CALL เทรดเดอร์อาจแก้ปัญหาโดยการเพิ่มทุน หรือปิดออเดอร์บางส่วน
โดยระดับ MARGIN CALL ของ TICKMILL คือ 100%
ระดับ MARGIN CALL 100% คือ การเทียบระหว่าง EQUITY กับ MARGIN USED
เมื่อการขาดทุนเพิ่มขึ้นจนทำให้ FREE MARGIN ลดลงจนหมด เป็นจุดที่ EQUITY มีค่าเท่ากับ
MARGIN USED
หากการขาดทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จน EQUITY มีค่าต่ำกว่า 30% ของ USED MARGIN
จะเป็นระดับที่เรียกว่า STOP OUT ระบบจะเริ่มทยอยปิด ORDER จากรายการที่ขาดทุนสูงสุด
จนกว่าจะมี FREE MARGIN หรือ EQUITY เพียงพอ
การนำความรู้ไปใช้ในการเทรด
ความรู้เกี่ยวกับ STOP OUT LEVEL คือสิ่งที่สามารถนำไปใช้ เพื่อการปรับปรุงแผนการเทรด
ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น การบริหารขนาดการเทรดให้เหมาะสมกับทุน เพื่อให้รองรับระดับ EQUITY ที่ลดลง จนใกล้กับระดับ MARGIN CALL หรือ STOP OUT
จากตัวอย่างการเทรดในวิดีโอ Pip value สำหรับการเทรด EURUSD 0.5 lot มีค่าเท่ากับ 5 USD
และ Stop Out Level เท่ากับ 1.0833 โดยมีวิธีการคำนวณตามที่แสดงในภาพ
เมื่อราคาของตราสารลดลง Order จะเจอ Stop Out ก่อน Stop Loss ที่วางแผนไว้
เทรดเดอร์สามารถแก้ไขได้โดยการเพิ่มวงเงินลงทุน หรือลดขนาดการเทรดเพื่อขยับ Stop Out Level ออกไป
Commentaires