ความเสี่ยงสามารถเปลี่ยนเป็นโอกาส ?
คุณรู้หรือไม่ว่า มีเทรดเดอร์มากกว่า สี่แสนคนที่ประสบความสำเร็จ และสามารถเลี้ยงชีพจากการเทรดได้ ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม ? ว่าแต่ตัวเลขนี้ถือว่า มากหรือน้อยกันหล่ะ และคำถามที่สำคัญคือ ตัวคุณหล่ะจะอยู่ในกลุ่มนี้ได้หรือไม่?
Brokernotes.com กล่าวว่า มีเทรดเดอร์มากกว่า 9.5 ล้านคนทั่วโลก ดังนั้นแม้ 400000 คนจะเป็นตัวเลขที่ดูเยอะ แต่หากดูเป็นอัตราส่วนจะพบว่าจำนวนนี้นับเป็นเพียงแค่ 4.5% จากจำนวนเทรดเดอร์ทั้งหมด แล้วคุณจะทำยังไงถึงจะได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มนี้ได้หล่ะ ? อะไรที่ทำให้พวกเขานั้นแตกต่างจากคนอื่น ?
หนึ่งในกุญแจสำคัญของการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ คือ พวกเขาเหล่านั้นให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ซึ่งหากคุณได้เรียนรู้ถึงวิธีการต่างๆในการบริหารความเสี่ยงแล้ว คุณก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอย่างมั่นคงด้วยเช่นกัน
เทรดด้วยระดับความเสี่ยงที่ต่ำ ในแต่ละครั้ง.
การเทรดคือโครงการระยะยาว มันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่คุณจะอยู่ในเกมให้ได้ในระยะเวลานานแม้ว่าคุณจะได้พบกับความสูญเสียหลายครั้งติดๆกันก็ตาม
Rule No 1: ระดับความเสี่ยงไม่ควรมากกว่า 2-3% จากทุนที่ใช้ในการเทรดสำหรับการเทรดแต่ละครั้งหากคุณเสี่ยงด้วยวงเงิน 2% จากเงินทั้งหมด นั่นหมายถึงคุณสามารถพลาดติดกันได้ 50 ครั้ง ถึงจะทำให้เงินทุนของคุณหมดไปได้
Example: ถ้าคุณมีวงเงินลงทุน $1000 ในบัญชีเทรด คุณไม่ควรสูญเสียเงินเกิน $20 ต่อการเทรดแต่ละครั้ง เปิดออเดอร์ด้วยขนาดเล็ก เช่น 0.01 lot หรือ ไม่ก็อย่าเพิ่งเทรดในจังหวะนั้น หากระดับความเสี่ยงมีสูงเกินไป
ประเมินความเสี่ยงในทุกปัจจัย
เมื่อคุณทำตามกฎในข้อ 1 บริการเทรดเทรดโดยให้แต่ละการเทรดสูญเสียได้ในระดับจำกัดที่ 2-3% มีอีกข้อที่คุณควรเข้าใจคือ อย่าเปิดการเทรดหลายๆออเดอร์พร้อมๆกัน เพราะถ้าคุณเปิดขนาดการเทรดหลายคำสั่ง มันก็มีความเป็นไปได้ที่คุณจะพบความสูญเสียขนาดใหญ่ได้ในเวลาสั้นๆ เนื่องจากออเดอร์ของคุณผิดเหมือนๆกัน โดยเฉพาะเมื่อตราสารที่คุณเทรดนั้นมีความสัมพันธ์ในแบบ positive / negative correlation ต่อกัน (เช่น EURUSD, GBPUSD ต่างได้รับผลกระทบจากรายงานเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกา จึงอาจทำให้คุณสูญเสียได้ในสองคำสั่งซื้อนี้ในเวลาเดียวกัน)
Rule No 2: ตรวจสอบว่าการเทรดของคุณในแบบภาพรวมนั้น คำสั่งที่คุณส่งในช่วงเวลาเดียวกัน ไม่ทำให้การขาดทุนรวมสูงไปกว่าระดับ 5-7% ของวงเงินลงทุนของคุณ
Example: หากคุณมีวงเงินทุน $1000 และคุณได้ทำการเปิดสามคำสั่งเทรด ด้วยตั้งค่าให้สูญเสียได้ออเดอร์ละ $20 นั่นหมายถึง ตอนนี้ความเสี่ยงรวมกรณีสามคำสั่งผิดพร้อมกันคือ $60 หรือคือ 6% เมื่อเที่ยบกับวงเงินลงทุนทั้งหมด ในเวลานี้คุณควรรอให้มีการปิดคำสั่งที่เปิดอยู่นั้นไปก่อนที่จะเปิดคำสั่งเทรดใหม่เพิ่มเข้าไป
กำไรควรมากกว่าการสูญเสียเสมอ
การคำนวณอัตราส่วนของความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ มันจะเป็นยังไงถ้าคุณกำไรในออเดอร์แรก 10 USD และสูญเสีย 20 USD ในออเดอร์ถัดมา คุณก็ยังคงขาดทุนโดยรวมอยู่ ดังนั้นควรตรวจสอบว่า สำหรับการเริ่มต้นนั้นคุณควรจะกำหนดในแผนการเทรดให้ระยะทำกำไรมีค่ามากกว่าระยะการตัดขาดทุน ซึ่งการเทรดผิดทางจะเป็นสิ่งที่คุณจะต้องพบเป็นเรื่องปกติในการเทรด
Rule No 3: ตรวจสอบระยะทำกำไร ให้มากกว่าระยะของการตั้งจุดขาดทุน 2-3 เท่า ซึ่งถ้าการเทรดของคุณถูกเพียง 1 ครั้งก็สามารถชดเชยความสูญเสียการเทรดผิดได้ถึง 2 ครั้ง
Example: จากระดับแนวรับแนวต้านในช่วงเวลาที่คุณเทรด คุณวางแผนทำกำไรที่ระยะ 120 pips แต่ถ้าคุณผิด คุณจะขาดทุนเพียง 45 pips 120/45= 2.6 ดังนั้นแผนการเทรดนี้จึงเป็นแผนการเทรดในจังหวะที่ดี
ส่วนการเทรดอีกชุด มีระยะทำกำไรที่ 170 pips และระยะตัดขาดทุนที่ 190 pips. 270/190= 0.9, การเทรดนี้ไม่น่าสนใจเพราะความเสี่ยงนั้นสูงเกินไป
หยุดการเทรดไว้ก่อน ถ้าคุณพบกับความสูญเสียติดกันหลายครั้ง
เทรดแล้วผิดซ้ำๆกัน คุณเคยพบเหตุการณ์นี้หรือไม่ ? แม้ดูเหมือนว่าจะวางแผนอย่างรัดกุม แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นซ้ำๆ ซึ่งอาจเกิดได้จากทั้งสิ่งที่คุณไม่ทันได้มอง หรือกลยุทธ์ของคุณยังไม่ดีพอ ลองหยุดพักการเทรดลง แล้วค่อยๆพิจารณ์ถึงสาเหตุต่างๆ จากตัวคุณเอง จากกลยุทธ์ของคุณ หรือจากตลาด แล้วปรับปรุงแก้ไขให้ตรงจุด
Rule No 4: ตั้งระดับความสูญเสียต่อวัน สำหรับการพักการเทรดในวันนั้น
Example: ด้วยทุน $1000 คุณตั้งระดับความสูญเสียที่จะพักสำหรับวันนั้นที่ $100 และถ้าการเทรดในวันนั้นทำให้การติดลบสะสมเพิ่มไปถึง $98 ซึ่งใกล้กับระดับที่คุณกำหนดไว้ ก็พักการเทรด และลองทบทวนสิ่งต่างๆว่าควรมีอะไรที่ควรแก้ไขปรับปรุง
พิจารณาต้นทุนการเทรด
เพื่อให้บริการที่ทำให้คุณสามารถเข้าถึงตลาดการเงินได้ โบรกเกอร์จะเก็บค่าบริการในรูปแบบของสเปรดและคอมมิชชั่นเทรด โดยขนาดของค่าธรรมเนียมจะขึ้นกับขนาดของคำสั่งเทรดของคุณว่ามีขนาดใหญ่เพียงใด และหากค่าธรรมเนียมนั้นมีขนาดสูง แม้คุณจะทำกำไรได้ แต่ผลกำไรนั้นก็อาจกลายเป็นค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้โบรกเกอร์ไปหมด
Rule No 5: เลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าคอมมิชชั่นและสเปรดต่ำ ค่าธรรมเนียมในการเทรดยิ่งจ่ายน้อยเพียงใด กำไรของคุณยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
คุณอาจพิจารณา Tickmill www.tickmill.com เป็นโบรกเกอร์ของคุณ และคุณอาจพบว่าค่าธรรมเนียมของเรานั้นอาจต่ำกว่าผู้ให้บริการอื่นๆถึง 2-3 เท่า ตรวจสอบค่าสเปรดเปรียบเทียบได้ที่ https://www.myfxbook.com/forex-broker-spreads.
หรือเริ่มต้นด้วยบัญชีต้อนรับ Welcome account จาก Tickmill ที่มีเงินทุนฟรี $30 เพื่อให้คุณเริ่มต้นเทรดและสัมผัสกับค่าสเปรดกับคอมมิชชั่นที่ต่ำเป็นพิเศษ อย่างปราศจากความเสี่ยง ซึ่งช่วยคุณในการตัดสินใจว่าโบรกเกอร์ของเรานั้นตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่
Comments